พ่อแม่หลายคนกังวลเรื่องลูกไม่ชอบออกกำลังกาย ลูกไม่ชอบเล่นกีฬา ชอบอยู่ในห้องเย็น ๆ ไม่เล่นกีฬาที่ทำให้เหงื่อออก บางคนกลัวลูกติดหน้าจอติดโทรศัพท์มือถือหรือของเล่น ซึ่งอาจส่งผลเสียในด้านต่าง ๆ ให้กับชีวิตลูก เช่น การแบ่งเวลา การทำกิจกรรม หรือติดหน้าจอโทรศัพท์เป็นสมาธิสั้น แต่พ่อแม่หลายท่านก็พบปัญหาในการส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย ในวันนี้ ทีมงาน WeddingReview.net จึงได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาลูกไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบเล่นกีฬา หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาฝากทุกท่าน มาดูวิธีแก้ปัญหาจากประสบการณ์ของเรากันได้เลยค่ะ
ติดตามเราได้ที่ Facebook WeddingReview.net
บทความ: ครอบครัว
1. เลือกกีฬาหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยและความชอบของลูก
ในการช่วยสนับสนุนให้ลูกได้ลองเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมเพิ่มความแอคทีฟ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยนำเสนอกีฬาหรือกิจกรรมให้กับลูกโดยพิจารณาจากหัวข้อดังนี้ค่ะ
- ความยาก ความง่าย และความเหมาะสมต่อวัยของลูก
- บุคลิกภาพ นิสัย และความชอบของลูก
- ความสะดวกหากต้องเดินทาง
- ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเล่น
- ค่าใช้จ่ายตามที่ครอบครัวสะดวก
- เลือกเวลาที่เหมาะสม เช่น เล่นเทนนิสในเวลาช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น เพื่อไม่ต้องเจอแดดร้อน
2. พ่อแม่ควรลองเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมกับลูกด้วย
ไม่ว่าคุณจะมีลูกคนเดียวหรือมีลูกหลายคน หรืออายุมากหรือน้อย เคล็ดลับในการช่วยส่งเสริมให้ลูกกล้าลองเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมก็คือ ‘พ่อแม่ควรลองทำไปพร้อม ๆ กับลูกด้วย’ โดยมีข้อดี คือ ลูกจะรู้สึกสบายใจและกล้าเปิดใจกับการลองทำสิ่งใหม่ ๆ มากขึ้นเพราะมีพ่อและแม่ลองทำด้วย นอกจากนี้ กีฬาบางอย่าง เช่น เทนนิส หรือ กอล์ฟ เป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะและการเคลื่อนไหวร่างกาย หากพ่อแม่ไม่ลองเล่นดูด้วยตัวเองก็อาจจะไม่ทราบว่ามันไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน และการที่พ่อแม่ลองเล่นกับลูกด้วยนั้นก็จะช่วยให้ได้ใช้เวลาสนุก ๆ ร่วมกัน รวมทั้งเข้าอกเข้าใจกัน ฝึกเป็นทักษะใหม่ที่ทำให้พ่อแม่ลูกได้ใช้เวลาเพลิดเพลินร่วมกัน เมื่อลองเล่นหลาย ๆ รอบเข้า จากที่ไม่ชอบก็อาจจะเปลี่ยนเป็นชอบและกลายเป็นกีฬาโปรดของครอบครัวได้ไม่ยาก
3. ทำให้เป็นกิจกรรมยามว่างของครอบครัว
ไม่มีใครชอบการกดดัน จริงไหมคะ? คุณพ่อคุณแม่จึงอาจเปลี่ยนจากการบังคับให้ลูกไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม เปลี่ยนให้เป็น ‘กิจกรรมยามว่างของครอบครัว’ (Leisure) … โดยเมื่อถึงเวลาว่างหรือวันหยุดเสาร์–อาทิตย์ ก็จัดเวลาออกไปทำกิจกรรมกันโดยทำให้เป็นประเพณีของครอบครัวด้วยการใช้คำว่า ‘กิจกรรมยามว่าง (ของครอบครัว)’ อธิบายให้ลูกฟังว่ากิจกรรมของครอบครัวคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร สร้างความเข้าใจให้กับลูกว่า ถึงเวลาทำอย่างอื่นแล้วนะ เราจะดูทีวีหรือเล่นแต่หน้าจอ เล่นเกม ดูโทรศัพท์ทั้งวันไม่ได้ ช่วงเวลานี้ เราจึงจะไปทำกิจกรรมด้วยกันเป็นกิจกรรมของครอบครัวกันแทนค่ะ
4. ทำเป็น Routine
คล้ายกับตารางเรียนหรือตารางสอนที่โรงเรียน พ่อแม่สามารถร่วมมือกันกับลูก ๆ ช่วยกันทำตาราง Routine หรือ Checklist ที่ต้องทำเมื่ออยู่ที่บ้าน โดยกำหนดเวลาให้ชัดเจนว่าเวลาใดเป็นเวลาออกกำลังกาย และเวลาใดเป็นเวลารับผิดชอบงานส่วนตัวหรือเป็นเวลา Free Choice เช่น
- กำหนดเวลาทานข้าวเช้าและมื้อต่าง ๆ
- กำหนด Checklist สิ่งที่ต้องทำหลังจากตื่นนอน เช่น พับผ้า เก็บที่นอน อาบน้ำ แปรงฟัน
- จัดการเสื้อผ้า เช่น ปลิ้นถุงเท้าออกก่อนส่งซัก
- เวลาออกกำลังกาย หรือ ทำกิจกรรม
- เวลาทำความสะอาดบ้านหรือหน้าที่อื่น ๆ
- ระบุเวลา Free Choice สามารถทำอะไรก็ได้ เช่น เล่นมือถือหรือดูทีวี เป็นต้น
- เวลาเตรียมของก่อนไปโรงเรียน
- เวลาทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ
- เวลานอน
โดยมีกฏที่จะช่วยฝึกวินัยให้กับลูก คือ
- จะไม่ทำอย่างอื่นหากยังทำสิ่งที่ควรทำก่อนหน้านั้นยังไม่เสร็จ เช่น ไม่เล่นเกม หากยังไม่อาบน้ำ หรือ ไม่เก็บที่นอน เป็นต้น
- ระบุเวลารับประทานอาหารแต่ละมื้อให้ชัดเจน และมี Choice ให้เลือกเมนูหรือบอกเมนูอาหารล่วงหน้า (แก้ปัญหาลูกเลือกกิน) ซึ่งถ้าหากเกินเวลาก็จะต้องทนหิว ไม่มีใครมาทำอาหารหรือบริการให้หลังจากนั้น
- อธิบายกติกาก่อนทุกครั้ง เช่น ก่อนขึ้นรถออกเดินทาง จะอธิบายว่าต้องรัดเข็มขัดนิรภัย และหากลูกทำเสียงดังรบกวนตอนขับรถ ก็จะหยุดรถข้างทางและนั่งรอจนกว่าทุกคนจะเงียบ
- เตรียมอุปกรณ์ด้วยตัวเองก่อนออกไปเล่นกีฬาหรือกิจกรรม เช่น เตรียมถุงเท้า ใส่ถุงเท้าเอง, เตรียมขวดน้ำเอง โดยอาจมีพ่อแม่ยืนดูเป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่ทำแทนลูก
5. กระตุ้นให้ลองแต่ไม่บังคับ และคิดถึงใจเขาใจเรา
ในช่วงที่เริ่มพาลูกติดหน้าจอหรือไม่ชอบออกกำลังกายไปเล่นกีฬาในช่วงแรก ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะเจอเสียงบ่น เสียงไม่อยากไป เสียงอยากกลับบ้าน เสียงบ่นว่าเบื่อหรือไม่ชอบ จึงอาจเป็นช่วงเวลาที่จะได้ช่วยลูกอธิบายว่า เรามาทำกิจกรรมครอบครัวกันนะ มาลองสิ่งใหม่ ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็มาลองเหมือนกัน เรามาลองเล่นด้วยกัน วันหนึ่งเราอาจจะชอบมากจนอยากเล่นทุกวันก็ได้ … ซึ่งในระหว่างที่เล่นกีฬาด้วยกัน คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้เผชิญสิ่งต่าง ๆ เหมือนที่ลูกกำลังเผชิญ จะได้คอยให้กำลังใจและแลกเปลี่ยนเทคนิคและความคิดเห็นกัน ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะสามารถช่วยให้ลูกค้นพบกีฬาที่ชอบได้ค่ะ
นอกจากนี้ หากเป็นกีฬาที่ต้องใช้ครูสอน อาจเลือกการสอนแบบไม่เคร่งเครียดในช่วงเริ่มต้น โดยเลือกครูที่สามารถสอนเป็นเกมสนุก ๆ และมีทักษะในการสื่อสารและเข้าอกเข้าใจเด็กได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้ลูกเข็ดขยาดกีฬาชนิดนั้น ๆ
การลองเล่นกีฬาและกิจกรรมนี้ อาจจะมีบางช่วงที่เหนื่อยหรือเบื่อ หากดูแล้วว่าเหนื่อยจริง ๆ อาจจะทำให้ป่วยได้ หรือหากไปเที่ยวที่อื่นกันมาจนออกกำลังกายไม่ไหว ก็อาจจะให้ลูกหยุดพักผ่อนก่อนและเมื่อพักผ่อนหายดีแล้วก็ค่อยกลับมาเริ่มกันใหม่ค่ะ
รายชื่อ กีฬาหรือกิจกรรมสำหรับเด็ก
- ไอซ์สเก็ต
- ฮอกกี้
- ว่ายน้ำ
- ยิมนาสติก
- บาสเก็ตบอล หรือกีฬาแบบเล่นในยิมติดแอร์
- เทนนิส
- แบดมินตัน
- ปีนหน้าผา
- บัลเล่ต์
- เรียนเต้น
- กอล์ฟ
- ฟุตบอล
- กีฬา X-Treme
- เดินป่า หรือ สำรวจธรรมชาติ
- ทำอาหาร
- โค้ดดิ้ง
- ประดิษฐ์ของใช้
- ออกแบบเครื่องประดับ
- เทควันโด
- คาราเต้
- วาดภาพ
- จัดตู้เทอราเรียม
- ขี่ม้า
- วอลเล่บอล
- อเมริกันฟุตบอล หรือ รักบี้
- ปั่นจักรยาน
ติดตามเราได้ที่ Facebook WeddingReview.net
บทความ: ครอบครัว