16 วิธีสร้างความสุขด้วยตัวเอง ด้วยการฝึกนิสัยใหม่

16 วิธีสร้างความสุขด้วยตัวเอง ด้วยการฝึกนิสัยใหม่

อยากมีความสุข ต้องอ่าน! ในวันนี้ ทีมงาน WeddingReview.net ได้รวบรวมเคล็ดลับ วิธี สร้างความสุขด้วยตัวเอง ด้วย 16 วิธีปรับความคิด ฝึกนิสัยใหม่ ที่จะช่วยให้ทุกท่านใช้ชีวิตให้มีความสุข มาดูกันเลยค่ะว่าทำอย่างไร

ติดตามเราได้ที่ Facebook WeddingReview.net

1. มันโอเคที่คนเราจะผิดพลาด

เราอาจถูกฝึกมาในสังคมที่ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง หรือเป็นคนที่เพอร์เฟ็กแต่ในความเป็นจริงนั้น ‘Mistake is Okay’! ใคร ๆ ก็สามารถทำข้อผิดพลาดได้ เพราะถ้าหากเราเก่งไปหมดทุกเรื่องก็คงไม่มีใครต้องไปโรงเรียนหรือฝึกพัฒนาเรียนรู้กันอีกแล้วซึ่งหากคุณอยากเป็นคนที่มีความสุข ก็สามารถฝึกฝนความคิดใหม่ว่าการทำเรื่องผิดพลาดเป็นสิ่งที่โอเค

ขอแค่เราเรียนรู้และหาทางแก้ไข รวมทั้งรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำก็เพียงพอ

2. ฝึกความมีสติ เตือนตัวเองเมื่อคิดลบ

สมองของมนุษย์เป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์เพราะมันสามารถนึกถึงภาพในอดีตหรือนึกภาพตามสิ่งที่เราคิดแม้ว่ามันจะเป็นเพียงจินตนาการก็ตาม สมองของมนุษย์มีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันเพราะหากเราใช้เวลาจมไปกับความคิดลบวนเวียนไปเรื่อย ๆ ก็สามารถทำให้เราเป็นทุกข์ได้แม้ว่าเป็นเวลาที่เราควรจะมีความสุขก็ตาม แต่คุณก็สามารถแก้ไขสิ่งนี้ได้ด้วยสติโดยทุกครั้งที่คุณคิดลบ คุณอาจเตือนตัวเองให้ปิดสวิชต์ปุ่มคิดลบนั้นเสีย และรู้ตัวเองว่าได้คิดลบไปอีกแล้ว คุณอาจจะลองนับดูว่าในแต่ละวันคุณเผลอคิดวนเวียนไปในภวังค์และเสียงคิดลบวันละกี่ครั้ง แล้วตามด้วยการฝึกมีสติ หยุดคิดลบเพื่อให้ตัวเองกลับมามีสติเพื่อฝึกนิสัยใหม่

3. ฝึกปลอบโยนตัวเอง

ใคร ๆ ก็อยากมีความสุข แต่บางครั้งเราอาจจะเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดหรือเรื่องราวที่กระทบจิตใจ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นมานานแล้วก็ตามหรืออาจจะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิด ฉะนั้น หนทางที่จะช่วยให้คุณมีความสุขไม่ว่าจะเผชิญอะไรมาในโลกนี้ก็ตาม ก็คือการฝึกปลอบโยนตัวเองตัวอย่าง เช่น

หากคุณเจอคนที่คุณรักด่าว่าคุณด้วยอารมณ์ โดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นใครก็คงรู้สึกแย่หรือไม่ชอบ แต่ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ก็อาจจะเป็นเพราะว่าวันนั้นเป็นวันที่ Bad Day ของคนที่ด่าคุณเขาอาจจะเจอสิ่งแย่ ๆ มาและไม่สามารถจัดการตัวเองได้ ฉะนั้น คุณสามารถปลอบโยนตัวเองด้วยการพูดคุยกับตัวเอง อธิบายหรือนึกถึงสภาพเหตุการณ์ที่คน ๆ นั้นอาจจะเจอ และปลอบประโลมตัวเองว่าคุณสามารถเป็นที่รักได้ และเป็นคนสำคัญ ก็จะช่วยทำให้เราหายโกรธคนที่ว่าเรา และอาจจะรู้สึกสงสารเขาแทน พร้อมกับปรับความเข้าใจกับตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่คนนั้นว่า เขาเพียงแค่ระงับอารมณ์หรือจัดการตัวเองไม่ได้ โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

3. ฝึกไม่แคร์

อย่าเป็นคนดีจนเกินไป และอย่าเป็นคนดีที่ไม่มีความสุขหรือเก็บกดอยู่คนเดียว หากคุณพบเจอคนนิสัยเสีย หรือ คนประเภท Toxic ก็สามารถเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้น และฝึกการไม่แคร์’ (Don’t Care) … โดยปกติ การไม่แคร์ อาจจะเป็นการกระทำที่ฟังดูไม่ค่อยดี แต่เพราะเราเจอคนที่ไม่ดีนี่หละเราจึงควรที่จะ Don’t Care เพราะว่าการแคร์มากไปอาจจะทำให้เราต้องเป็นทุกข์นั่นเอง ถ้าหากคุณอยากมีความสุข สิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อตัวเองได้ก็คือไม่แคร์’!!

4. ฝึกรู้ทันอารมณ์และจัดการตัวเอง

คนเราสามารถรู้สึกและแสดงออกทางอารมณ์ได้หลากหลายแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เราทำอาจจะส่งผลได้ทั้งดีและร้ายทั้งกับตัวเองและคนอื่น สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีความสุขคือฝึกจัดการตัวเอง’ (Self-Managing) โดยทุกครั้งที่คุณรู้สึก รัก, โกรธ, เกลียด, โมโห, เศร้า หรืออื่น ๆ คุณสามารถลองคิดวิเคราะห์ดูว่าอารมณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว คุณบางคนอาจจะกำลังรู้สึกอิจฉาอยู่ แต่กลับแสดงออกมาว่าโกรธ หรือให้ร้ายคนอื่นราวกับว่าคนๆนั้นควรจะได้รับการพิพากษาหรือคุณบางคนอาจจะกำลังโกรธคนอื่น เพียงเพราะเขาไม่ได้ดั่งใจคุณ แต่คุณกลับเอาความไม่ได้ดั่งใจมาแสดงออกเป็นความโกรธ และอาจจะเผลอทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายลงไป ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายและเป็นปัญหาใหญ่ที่จะตามมาได้ฉะนั้น คุณควรฝึกรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง และไม่ลงไม้ลงมือหรือเผลอพูดอะไรออกมาตามอารมณ์ ก็จะทำให้คุณได้สติ และไม่ต้องแก้ปัญหาตามมาในภายหลัง

5. ฝึกปฏิเสธอย่างสุภาพและยืนหยัดเพื่อตัวเอง

การเกรงใจแม้ว่าจะถูกเอาเปรียบหรือรู้สึกไม่ชอบอาจจะทำให้รู้สึกเก็บกดได้ ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนสามารถฝึกปฏิเสธ ด้วยกลยุทธ์ในการพูดต่าง ๆ เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ควรจะยืนหยัดเพื่อตัวเอง

เช่น หากคุณต้องทนอยู่กับสามีหรือภรรยาที่พูดจาไม่ดี ทั้งกับคนรักและกับลูก คุณอาจจะลองถามกลับดูแบบบทบาทสมมติ เช่น ถามอีกฝ่ายกลับว่า หากคนอื่นพูดแบบนั้นกับคุณ คุณจะทำอย่างไร? คุณจะชอบไหม? หรือหากคุณพูดจาไม่สุภาพ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกเห็น หากวันหนึ่งลูกไปเล่าให้คนอื่นฟัง คุณจะตอบลูกว่าอะไร? ทำไมลูกถึงพูดคำหยาบไม่ได้ แต่ทำไมคุณถึงพูดได้? เป็นต้น

6. เลือก Choice ที่ Healthy กับตัวเอง

คนเรามักจะคิดว่าการรักตัวเองคือการทำตามใจตัวเอง บางคนชอบหาเงิน ก็หาเงินไม่หยุด ไม่สนใจสุขภาพและร่างกาย หรือความสัมพันธ์ภายในครอบครัว หรือบางคนอาจจะคิดว่าหากรักตัวเอง ก็ต้องกินอาหารอร่อยบางคนกินจนอ้วน จนเป็นโรคร้าย จึงเป็นการรักตัวเองที่ผิดการรักตัวเองที่แท้จริง คือการเลือกสิ่งที่ดีกับตัวเอง หรือเลือก Choice ที่ Healthy กับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร ให้ลองนึกถึงข้อดีและข้อเสียก่อนที่จะลงมือทำ ก็สามารถทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นได้

7. เปลี่ยนตัวเอง แทนที่จะเปลี่ยนคนอื่น

การอยู่กับคนที่ Toxic ในบางครั้งก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกเป็นทุกข์ เช่นเดียวกับความรู้สึกจำยอมฉะนั้น แทนที่จะเปลี่ยนคู่กรณีหรือฝ่ายตรงข้าม คุณอาจเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่น หากต้องทำงานกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานที่ Toxic คุณอาจจะต้องฝึกตัวเองให้มีวุฒิภาวะมากขึ้น และฝึกปลอบและให้กำลังใจตัวเอง เข้าใจเหตุผลที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำ แทนที่จะไปต่อสู้กับเขา หรือในกรณีที่ที่ทำงาน Toxic เกินไป คุณอาจจะต้องเตรียมแผนสองรองรับไว้ หางานใหม่ กรณีที่จำเป็นที่จะต้องย้ายงาน เพื่อรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตัวเองไว้ เพราะว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์

8. ไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากคนอื่น

มนุษย์ทุกคนอยากได้รับการยอมรับและอยากมีความสำคัญ บางคนอาจจะเข้าใจผิดจึงยอมทำสิ่งไม่ดีเพื่อที่จะให้ได้รับความสำคัญหรือให้คนอื่นสนใจ แต่เมื่อทำลงไปแล้วก็อาจจะได้ผลลัพธ์ในทางตรงข้ามแทน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราทุกคนเป็นที่รักได้ แม้ไม่มีใครรักเราก็ไม่สำคัญเท่ากับเรารักและดูแลตัวเอง เลือกสิ่งที่ดีกับตัวเอง และ Choice ที่ Healthy กับตัวเอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุขได้อย่างแท้จริง

9. ทำความเข้าใจว่าเราสามารถเป็นที่รักได้

ในวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคน และวัยชรา ไม่ว่าวัยไหน ๆ คนเราทุกคนก็อาจจะมีเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกทุกข์ใจ ไม่มีความสุข เช่น เรื่องพ่อแม่ลำเอียง, เรื่องโดนบุลลี่ หรือ ความหลังเรื่องอื่น ๆ ซึ่งแม้ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นอาจจะจบไปแล้ว แต่ก็อาจจะคงเหลือซึ่งความไม่สบายใจเอาไว้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือความทรงจำในอดีต อย่างเช่นวัยเด็ก อาจจะเป็นวัยที่เรายังไม่ได้เรียนรู้ที่จะปลอบใจตัวเอง หรือเห็นโลกในมุมอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น บางครอบครัวที่พ่อหรือแม่อาจจะทำงานเหนื่อย จนอารมณ์เสีย และปฏิบัติกับลูกแต่ละคนไม่เท่าเทียมกัน ในความเป็นจริง พ่อแม่บางคนอาจจะไม่ได้ลำเอียง แต่อาจจะไม่สามารถจัดการตัวเองได้ และไม่รู้เท่าทันความเหนื่อยของตัวเอง และไม่รู้วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จึงให้ลูกคนโตเสียสละให้คนเล็กเสมอ ก็อาจจะเป็นความหลัง แต่หากวันหนึ่งที่เราประสบพบเจอเหตุการณ์นั้นตอนเราเป็นพ่อคนแม่คน เราก็อาจจะลองนึกถึงพ่อกับแม่ในมุมที่เราแก้ต่างให้กับเขา หรือลองเป็นตัวเขาก็จะทำให้เราเข้าใจตัวเราว่า จริง ๆ แล้วเราไม่ใช่คนที่ไม่น่ารัก หรือพ่อแม่รักใครมากกว่า แต่พ่อแม่บางคนอาจจะโตมาในวิถีเก่า ๆ และไม่ได้เรียนรู้วิธีจัดการตัวเอง หรือวิธีเลี้ยงลูกอย่างที่สมัยนี้มีตำราวิธีเลี้ยงเด็ก จึงทำให้เขาเป็นอย่างนั้น แต่นั่นคือพ่อแม่ ส่วนตอนนี้เราโตแล้ว มีชีวิตของเราเองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเขา เราสามารถใช้วิธีใหม่ที่เราศึกษามา และทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ ในทางที่เราเลือกเองและรับผิดชอบเอง

10. คิดเสมอว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์

นึกถึง Choice ที่ Healthy และดีกับตัวเราอยู่เสมอ หากต้องอยู่ร่วมกับคนที่ Toxic ไม่ว่าจะคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม อย่ากลัวที่จะเดินออกมาเพราะว่าวันนึงก็จะวงแตกกันไปเองระลึกไว้ทุกครั้งว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์ไม่ไหร่ก็ตามที่คิดลบหรือมีคนกำลังพยายามจะดึงคุณเข้าไปในวงล้อแห่งความทุกข์ จงคิดเสมอว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์และเดินออกมา พร้อมกับหาสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง ทำเรื่องดีดีที่มีความสุข ดูแลจิตใจและร่างกายตัวเองให้ดีเสมอ

11. เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และฝึกคิดแบบ ‘Grateful’ แทน

การเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่ดีกว่าสามารถทำให้คุณเป็นทุกข์ และการเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่ด้อยกว่าด้วยความอิจฉาก็ไม่สามารถทำให้คนพ้นทุกข์ได้แต่ใด ๆ แล้ว บางคนก็อาจจะใช้วิธีเปรียบเทียบมาเป็นแรงกดดันจนตัวเองหรือคนอื่นเป็นทุกข์การฝึกคิดแบบ ‘Grateful’ (ซาบซึ้งในสิ่งที่มีอยู่หรือได้รับ หรือรู้สึกขอบคุณ’) จึงสามารถทำให้คุณใจเป็นสุขได้มากขึ้น และช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองให้ก้าวไกลด้วยความไม่เครียดหรือกดดันด้วยการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เพราะการเผชิญเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยความกดดันนั้นต่างกับความไม่กดดัน ความทรมานนั้นต่างกันมากโข

12. มีความหวังแต่ไม่คาดหวัง

ความหวังต่างจากความคาดหวังตรงที่ ความหวังเท่ากับการคิดบวก แต่ความคาดหวังจะเป็นความคิดในทางลบ โดยมีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางและเกิดจากความเห็นแก่ตัวของตัวเอง เช่น คาดหวังให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการบางครั้งชีวิตคนเราไม่มีความสุขเพราะมีความคาดหวังซึ่งเป็นความคิดแบบลบและเห็นแก่ตัว ทำให้เป็นทุกข์ทั้งตัวเองและกับผู้อื่น หากเราเปลี่ยนความคาดหวังเป็นความหวังได้ ก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากยิ่งขึ้น

13. เรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองโดยไม่มีวันสิ้นสุด

ฝึกเรียนรู้ในสิ่งที่สงสัยหรือสนใจเพื่อพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็น งานอดิเรกที่สนใจ, วิธีการดูแลตัวเอง, วิธีการดูแลสุขภาพ, เรียนรู้วางแผนการเงินเพื่อพัฒนาตัวเองและรับผิดชอบตัวเองและครอบครัว เป็นต้น

14. พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

บางครั้งคนเรากินเยอะโดยแยกไม่ออกว่าเป็นความเหนื่อยหรือความหิว เพราะความรู้สึกสองอย่างนี้คล้ายกันมาก เช่นเดียวกันกับที่บางคนเหนื่อย ง่วงนอน แต่กลับหาอะไรกินเข้าปากไม่หยุด เมื่อนอนพักผ่อนไม่เพียงพอก็ส่งผลต่อสภาพร่างกายและอารมณ์ การพักผ่อนให้เพียงพอและนอนหลับให้เต็มที่อย่างต่อเนื่องวันละ 7-10 ชั่วโมงสำหรับผู้ใหญ่จึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกันกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นประจำ ทำให้ร่างกายสดชื่นและหลั่งสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดีและยับยั้งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล เช่น สารเอ็นดอร์ฟิน เซโรโทนิน และสารสื่อประสาทโดพามีน ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดและอารมณ์ซึมเศร้า

15. ฝึกระบายความโกรธหรือความกังวล และ อย่าลืมฟังเสียงหัวใจของตัวเอง

บางครั้งแต่ละคนอาจจะมีเรื่องโกรธหรือกังวลซึ่งเราควรจับตามองอารมณ์ของเราให้ถูก และหาวิธีแก้ไขสิ่งที่คับข้องใจ เช่น ระบายหรือพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ โดยบางคนอาจจะมีความกังวลเรื่องงาน ธุรกิจ หรือ ความสัมพันธ์ที่ว้าวุ่น แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าคุณจะปรึกษาปัญหาเหล่านี้กับใคร สิ่งสำคัญก็คืออย่าลืมฟังเสียงหัวใจของตัวเอง เพราะว่าในบางครั้ง สิ่งที่เราต้องการคืออาจจะเพียงแค่ปรึกษาใครสักคนเพื่อจัดระเบียบความคิดและตัดสินใจ โดยไม่ได้อยากทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายบอก และไม่ว่าใครจะให้คำปรึกษาอย่างไรกับคุณ สิ่งสำคัญคือสุดท้ายคุณก็จะเป็นผู้ตัดสินใจและรับผิดชอบสิ่งนั้นเอง เพราะตัวเรารู้ดีที่สุดว่าอะไรดีกับตัวเรา บางครั้งสิ่งที่คนอื่นพูดอาจจะบอกเราว่าสิ่งนั้นก็ดีสิ่งนี้ก็ดี เช่น เลือกคอมพิวเตอร์เครื่องนี้สิ ดีนะ แต่ถ้าใจเราบอกว่าไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ ก็ควรจะเชื่อใจตัวเองมากกว่า

16. ฝึกพูดจาดี

คนเราจะอยู่ด้วยกันได้ ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เพราะพูดจาดีต่อกันลองคิดดู หากคนเราไม่เคยรักกันมาก่อน แต่ถ้าพูดจาดีด้วยกัน ก็อาจจะทำให้เกิดความรักและความเห็นอกเห็นใจและเกิดความเข้าใจในทางที่ดีต่อกันได้ ในทางตรงกันข้าม หากคนรักกัน พูดจาไม่ดีต่อกัน ก็อาจจะทำให้เลิกรักกันไปเลยก็ได้ หรืออยู่ด้วยกันไม่ได้ แตกร้าวกันไปข้างหนึ่ง ฉะนั้น จึงควรฝึกพูดจาดี ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัว ลูก คนรัก เพื่อนร่วมงาน และคนอื่น ๆ เพื่อให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น และช่วยให้ชีวิตมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ติดตามเราได้ที่ Facebook WeddingReview.net

Report

What do you think?

0 Points
Upvote
เที่ยวญี่ปุ่นเดือนไหนดีที่สุด มาดูกัน ไปญี่ปุ่นเดือนไหนดี !!

เที่ยวญี่ปุ่นเดือนไหนดีที่สุด มาดูกัน ไปญี่ปุ่นเดือนไหนดี !! (traveldidi.com)

5 วิธีแก้ ลูกไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบเล่นกีฬา ติดหน้าจอ จะทำอย่างไรดี

5 วิธีแก้ ลูกไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบเล่นกีฬา ติดหน้าจอ จะทำอย่างไรดี