ประสบการณ์ไปงาน Wedding Fair (ครั้งแรก ครั้งเดียว & ครั้งสุดท้าย) (1/35)

จากประสบการณ์ของเรา…..

Wedding Fair เหมาะกับคนที่ 

– มีร้าน Wedding Studio / Wedding Planner – Organizer ในดวงใจอยู่แล้วค่ะ เพราะในงาน ร้านนั้นๆ อาจจะมีจัด PROMOTION หรือ PACKAGE พิเศษเฉพาะในงานเวดดิ้งแฟร์นั้นๆค่ะ

Wedding Fair ไม่เหมาะกับคนที่

– จะแต่งงาน แต่ไม่เคยหาข้อมูลการจัดงานแต่งมาก่อนเลย เพราะจะไปคุยกับเซลล์ไม่รู้เรื่อง แล้วถ้าคุณไม่ได้ศึกษางบมาก่อน ว่าปกติค่าใช้จ่ายสากลเรื่อง Pre-Wedding มันเท่าไร ค่าชุดเท่าไร ค่าช่างถ่ายรูปเท่าไร ค่าสถานที่เท่าไร …. แล้วจะไปพูดแบบ “อยากได้ทั้งหมดในราคาเท่าเนี้ยะ” (แต่ความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้) ถ้าไม่โดนเซลล์เหวี่ยง ก็อาจจะโดนเซลล์ดูถูก หรือ โน้มน้าวหลอกฟันราคาค่ะ กลับกัน ถ้าไปแบบรู้เรื่องแล้ว จะสามารถไปต่อรอง รู้ว่าตัวเองควรจะได้อะไรบ้าง แถมอะไรบ้าง ลดอะไรได้บ้างค่ะ

แต่ก็ต้องระวัง

– ต้องอ่านรีวิวร้านต่างๆให้ดีๆก่อนไป คิดดีๆ อย่าด่วนตัดสินใจ บางทีคนเนี่ย บริการก่อนได้เงินกับหลังได้เงินอาจจะไม่เหมือนกันค่ะ

บางเรื่องที่ต้องทำใจก่อนไป (อาจจะไม่ได้เจอทุกคนเสมอไป)

– ทำใจไว้ค่ะ คือบางทีไปแล้วปวดหัวมาก บางทีอาจเจอเซลล์พูดจาไม่ค่อยดี เคยไปเจอร้านที่แบบดูถูกลูกค้า กดดันเจ้าบ่าว เช่นถามว่า เจ้าสาวคุณมีค่าระดับไหน? จะเลือกแพ็กเกจไหนให้สมเกียรติเจ้าสาวของคุณ? … อันนี้เรากับแฟนเพลียมาก (แต่คงไม่เป็นงี้ทุกร้าน)

– อีกอย่างที่บอกว่า ถ้าไม่มีร้านในดวงใจจริงๆ บางทีไม่น่าไปเดิน เพราะไปแล้วลุกออกยากค่ะ พอจะลุกก็โดนเซลล์พูดจาดูถูกตามมา คือ เซลล์อยากขายไงคะ แต่ลูกค้ายังอยากตัดสินใจก่อนวางมัดจำ เจอเซลล์กดดันลูกค้าโดยการต่อว่าลูกค้าว่า … ลูกค้าไม่จริงใจ …  (แค่อยากตัดสินใจก่อนวางมัดจำอะนะ พูดมาว่าเราไม่จริงใจ … เพลียค่ะ) เหนื่อยใจค่ะ บางทีไปแล้วเสียอารมณ์ … เฮ่อ พอๆ .. พูดเรื่องดีๆกันดีกว่า

 

บทสรุปในวันนั้น

สรุป เซ็งกับเซลล์ แฟนเลยพาเดินดูบูทอื่นแทน แวะดู “หมอแมะ” จับมือ โดนทักว่ามีก้อนในท้องค่ะ เราไม่เชื่อ 555+

ปรากฏว่าหลังแต่งงานผ่านไป 2-3 เดือน ตรวจพบว่ามีถุงน้ำรังไข่แตกจริงๆค่ะ เป็นซิสต์

หรือจะทำแบ็กดร็อปแบบนี้ ไปถ่าย Pre-Wedding ก็ได้ (22/22)

สรุป ลำดับการจัดเตรียมงานแต่งงาน ตั้งแต่ต้นจนจบ (2/35)