… แต่งงานเป็นแม่บ้าน เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก สามีเลี้ยง …
ต้องยอมรับว่าชีวิตแม่บ้านดูจะเป็นอาชีพที่สบายที่สุดในสายตาคนทั่วไป ด้วยความที่แม่บ้านไม่ต้องออกจากบ้านไปทำงาน เพียงแค่อยู่บ้านเลี้ยงลูกสบาย ๆ แต่ในขณะเดียวกันเหล่าแม่บ้านทั้งหลายก็พากันออกมาแสดงความคิดเห็นและระบายกันอยู่ไม่ขาดสาย พูดถึงในอีกแง่มุม เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าชีวิตแม่บ้านไม่ได้สบายอย่างที่คิด แถมเหนื่อยใจแทบขาดอีกต่างหาก วันนี้เราเลยขอรวบรวมชีวิตแม่บ้านในสายตาคนอื่นกับชีวิตแม่บ้านในความเป็นจริงแบบเจาะลึกจากประสบการณ์ของทีมงาน WeddingReview.net มาให้ดูกัน
** ท้ายบทความมีเคล็ดลับการใช้ชีวิตแม่บ้านอย่างมีความสุขมาฝากนะจ้ะ
1. แม่บ้านไม่ต้องทำงาน
ชีวิตของคนปกติอาจเริ่มต้นตอน 6 โมงเช้า แต่ชีวิตแม่บ้าน อาจจะเริ่มต้นตั้งแต่ ตี 4 เพราะต้องตื่นมาเตรียมอาหารและเตรียมทุก ๆ อย่างให้กับทุกคนในบ้าน ดูแลตั้งแต่ทุกคนตื่น-ยันทุกคนหลับ
ผู้หญิงหลายคนต่างพากันอิจฉาชีวิตแม่บ้านที่ไม่ต้องทำงานอะไร อยู่บ้านสบายๆ ไม่ต้องมาทนเหนื่อยกับชีวิตคนทำงานในยุคนี้เหมือนสาวๆ ทั่วไป ทั้งการจราจรที่ติดทุกแยกไฟแดงและหัวหน้าที่ด่าได้ทุกวี่ทุกวัน แต่ใครจะรู้ว่าในความเป็นจริงนั้นแม่บ้านต้องเจออะไรบ้าง ที่อยู่บ้านทุกวันเนี่ยก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ นะคะ ทำงานบ้านมันทุกอย่างนั่นแหละค่ะ ทั้งทำอาหาร จ่ายตลาด ดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน เลี้ยงลูก ดูแลสามี เรียกว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริง ๆ
2. ตื่นสายได้
บางท่านอาจจะคิดว่าเมื่อไม่ต้องออกไปทำงานข้างนอก ชีวิตแม่บ้านก็ดูสุขสบายในสายตาคนทำงานเป็นอย่างมาก คิดว่าแม่บ้านไม่ต้องตื่นเช้า จะตื่นสายแค่ไหนก็ไม่ผิด แต่จริง ๆ แล้วแม่บ้านบางบ้านนั้นต้องตื่นเช้ากว่าคนทำงานอีกค่ะ ตัวอย่าง – ตื่นตั้งแต่ตี 4-5 มาเตรียมทำกับข้าวให้คุณสามีทานก่อนออกไปทำงาน ไหนจะดูลูกอีก ละถ้าลูกยังเล็กอยู่ล่ะก็ เชื่อว่าตอนกลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอนแน่ ๆ ตื่นมาปั๊มนมทุก 3 ชั่วโมง ตอนเช้าก็ต้องกะโตงกะเตงหิ้วลูกมาทำอาหาร หรือแม้กระทั่งหากลูกเข้าโรงเรียนแล้ว กว่าจะรับ-ส่งเสร็จ ก็อาจจะกินชีวิตแต่ละวันหมดไป 6 – 8 ชั่วโมงแล้วล่ะ เอาง่าย ๆ ว่าชีวิตแม่บ้านเนี่ยอาจจะเรียกได้ว่าตื่นแต่เช้าเข้านอนหลังสุดค่ะ
3. มีเวลาว่างทั้งวัน
สาว ๆ ที่ทำงานบางท่านอาจจะคิดว่าชีวิตแม่บ้านอาจแค่ทำอาหารและทำงานบ้านเล็กน้อย ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ไม่เหมือนคนทำงานออฟฟิศหรอก ต้องทำตั้งแต่เช้ายันเย็น แถมกว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำแล้ว แทบไม่มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นเลย ขอบอกเลยว่า นั่นอาจจะไม่จริงเสมอไปค่ะ แม่บ้านบางบ้าน หากไม่มีคนช่วยดูแลหรือพี่เลี้ยง อาจจะแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองเลย เวลาทั้งหมดถูกยกให้กับสามีและลูก ทั้งทำอาหาร ทำงานบ้านต่าง ๆ ไหนจะเลี้ยงลูก 24 ชั่วโมง และยังต้องดูแลสามีอีก จะเอาเวลาว่างมาจากไหนกันล่ะเนาะ
4. มีเงินช้อปปิ้ง
ผู้หญิงที่แต่งงานแต่ไม่ได้เป็นแม่บ้านคงอิจฉาตาร้อนที่พวกแม่บ้านอยู่บ้านสบาย ๆ ไม่ต้องทำงานอะไร สามีก็ให้เงินใช้ทุกเดือน มีเงินไปช้อปปิ้งตลอดแน่ ๆ แต่ในชีวิตแม่บ้านจริง ๆ ที่ไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง พวกเธออาจจะไม่กล้าขอเงินสามีมาใช้จ่ายส่วนตัวหรอกค่ะ เรื่องช้อปปิ้งฟุ่มเฟือยนี่ลืมไปได้เลย เงินที่สามีให้มาก็เอาไว้ใช้จ่ายในบ้านและเก็บเป็นค่าใช้จ่ายส่วนของลูกเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญ หากพวกเธอไม่เก็บเงิน จะเอาความมั่นคงในชีวิตมาจากไหน เพราะเมื่อไม่มีรายได้ หากสามีก้าวสู่ขิตชีวิตหลังความตาย พวกเธอจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ?
5. ไม่ต้องเครียดหรือแบกรับภาระอะไร
ชีวิตแม่บ้านที่ไม่ต้องออกไปทำงาน ไม่ต้องออกไปเจอโลกภายนอกคงไม่ต้องเครียด ไม่ต้องแบกรับภาระอะไรไว้เลย อยู่บ้านสบาย ๆ สามีรับผิดชอบคนเดียว ใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วแม่บ้านก็เครียดไม่แพ้คนอื่นเลย เครียดทั้งเรื่องการเลี้ยงลูก เครียดเรื่องสามี ไหนจะโดนชาวบ้านนินทาหาว่าเกาะสามีกินอีก และยังต้องมาแบกรับภาระเรื่องปัญหาภายในบ้าน ปัญหาเรื่องเงินของตัวเอง หรือ แม้กระทั่งความเครียดและความกลัวที่ว่า หากสามีเป็นอะไรไป จะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเรียน? และเชื่อได้เลยว่า เมื่อไรที่คุณก้าวรับตำแหน่ง “แม่บ้าน” ประจำบ้านแล้ว เมื่อนั้นทุกคนจะคิดว่าคุณว่าง และไหว้วานฝากคุณทำเรื่องจิปาถะอื่น ๆ เองค่ะ เรียกง่าย ๆ ว่า งานงอกนั่นเอง
6. ได้อยู่กับลูกทั้งวัน
ในสายตาคุณแม่คนอื่นชีวิตแม่บ้านที่น่าอิจฉาที่สุดก็คงจะอยู่ที่มีเวลาได้อยู่กับลูกทั้งวัน มันจะมีอะไรดีไปกว่าการที่ได้เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ได้เฝ้าดูพัฒนาการของลูกเอง ได้ใกล้ชิด มีเวลาให้กับลูก ข้อนี้ต้องบอกเลยว่าคุณแม่บ้านทั้งหลายนั้นเห็นด้วย การได้ใช้เวลาอยู่กับลูกทั้งวันถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแม่บ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยแบบสายตัวแทบขาด บางท่านอาจขาดความเป็นส่วนตัวในชีวิต สูญเสียอิสระภาพที่เคยมี และเผชิญปัญหาความเหนื่อยที่คุณแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกเองไม่มีวันเข้าใจ
วิธีใช้ชีวิตแม่บ้านให้มีความสุข
- หากมีการเงินสภาพคล่อง จ้างคนมาช่วย หากไม่ไหวจริง ๆ ดีกว่าเจ็บป่วยทั้งทางใจและทางกาย
- รักษาสภาพจิตใจและรักตัวเองให้มากที่สุด อย่าเอาใจคนอื่นมากจนตัวเองต้องเป็นทุกข์ อย่าลืมรักษาสภาพจิตใจตัวเองด้วย
- ในส่วนของการตัดสินใจเลี้ยงลูก แม้ว่าใครจะว่าอะไรก็ตาม สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับตัวพ่อแม่ คุณจะเลือกอะไร จะเลี้ยงยังไงก็ได้ เพราะเขาเป็นลูกของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องหาคำพูดหรือข้อพิสูจน์ไปเถียงกับคนอื่นถึงวิธีที่คุณเลือกที่จะเลี้ยงลูก
- ใช้ชีวิตไม่ประมาท เก็บเงินออมให้มากที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีธุรกิจหรืองานเสริม และมีรายรับจากสามีเพียงทางเดียว
- โฟกัสไปที่ลูก อดทนหน่อย แม้ว่าคุณจะเสียชีวิตส่วนตัวหรือชีวิตที่คุณเคยมี แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะคุ้มค่าแก่ความเหนื่อยยากที่คุณลำบากดูแลเขามาแน่นอน
- แม้ว่าคนท้อง แม่บ้าน คู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันบางท่านอาจจะอยากได้การดูแลจากสามี แต่หากสามีไม่เป็นใจ พูดจาหวาน ๆ ไม่เป็น ก็อย่าไปสนใจเลย บางครั้งการอยู่คนเดียว หรือมีความสุขกับลูก อาจจะมีความสุขกว่าเยอะ
- เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ หากเขาไม่ต้องการที่จะเปลี่ยน เพราะฉะนั้น เลิกพยายามเปลี่ยนหรือจิกกัดคนอื่น แล้วมองหาสิ่งอื่นที่ทำให้เรามีความสุขโดยไม่มีใครเดือดร้อนดีกว่า
- กล้าตัดสินใจในเรื่องบางเรื่อง แม้ว่าอาจจะลำบากใจ แต่นี่คือครอบครัวของคุณ เรื่องบางเรื่องคุณก็ต้องปกป้องดูแลตัวเองและครอบครัว เพราะไม่มีใครทำหน้าที่นี้หรือตัดสินใจได้ดีกว่าคุณ
ในสายตาคนนอกอาจมองเห็นชีวิตแม่บ้านดูสุขสบาย ชีวิตสวยหรู ไม่ต้องออกไปทำงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วอาชีพแม่บ้านนี้ก็เหนื่อยไม่แพ้กับทุกๆ อาชีพที่ทุกคนกำลังทำอยู่เลย เพียงแค่เหนื่อยแตกต่างกันไปคนละแบบเท่านั้นเอง เราจึงอยากร่วมขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่บ้านทุกคนที่กำลังเหนื่อยและกำลังท้อกับสายตาและคำพูดที่คนอื่นให้มาในทางที่ไม่ดีและเรายังเชื่ออีกว่าวันนี้มีอีกหลายคนที่พร้อมจะเข้าใจ “ชีวิตแม่บ้าน” เพิ่มขึ้น