แทบปฏิเสธไม่ได้ว่าในทุกวันนี้ผู้ปกครองต่างให้ความสนใจและสำคัญกับ “การศึกษา” ของเด็กและลูกหลานเป็นอย่างมาก … แม้ว่าในประเทศไทยจะมีโรงเรียนระบบไทย รัฐบาล เอกชน อินเตอร์แบบ Bilingual และ English Program อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีโรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่ โดยโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ในสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย หรือ ISAT (ย่อมาจาก International Schools Association of Thailand) นั้นมีมากกว่า 100 แห่งเลยทีเดียว ซึ่งหากนับรวมที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมนั้นก็ยังมีมากกว่านี้ และโรงเรียนนานาชาตินั้นยังมีมากมายหลายระบบ ทั้งระบบอังกฤษ, อเมริกา, IB (International Baccalaureate) และอื่น ๆ … วันนี้ทีมงาน WeddingReview จะพามาดูข้อดีของโรงเรียนนานาชาติ ระบบนี้เป็นยังไง ทำไมคนถึงฮิตส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติกัน แล้วมีข้อเสียมั้ยนะ? มาติดตามกันค่ะ
ข้อดี & ข้อเสีย โรงเรียนนานาชาติ
1. ระบบการศึกษา
โรงเรียนนานาชาติต่าง ๆ มีให้เลือกหลากหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบอังกฤษ, ระบบอเมริกา, ฝรั่งเศส, IB หรือ International Baccalaureate และอีกมากมาย ซึ่งผู้ปกครองสามารถใช้ประโยชน์ตรงนี้ เลือกได้ว่าจะให้ลูกหลานเรียนไปในทิศทางของประเทศไหน หรือระบบใด มีประโยชน์สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้เรียนต่อได้ โดยมักไม่จำเป็นต้องซ้ำชั้น เพราะว่าเรียนต่อในระบบเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันที่ทำให้สามารถเรียนต่อได้ … และถึงแม้ว่าจะให้ลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทย การเรียนในโรงเรียนนานาชาติก็ยังมีประโยชน์กับเด็กอีกหลานด้าน เพราะโรงเรียนนานาชาติมักจะส่งเสริม “แนวคิดสากล” เป็นหลัก และใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน ซึ่งมีประโยชน์เมื่อเด็กทำงาน และจะเป็นสกิลที่ติดตัวเด็กไปอีกนานในยุคที่ใครจะไปทำงานในประเทศไหนก็ได้ ในยุคที่คนทั่วโลกเชื่อมต่อกันได้ง่ายดายทั่วถึง
2. แนวคิด วิสัยทัศน์ การดำเนินงาน
พ่อแม่ที่วางแผนจะส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ สามารถเลือกโรงเรียนได้ตามแนวคิด และปรัชญาการเรียนการสอนที่พ่อแม่เชื่อถือ … ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแนววิชาการแบบเข้มข้น หรือ โรงเรียนแนวทางเลือก โรงเรียนนานาชาติก็มีหมด โดย WeddingReview ขออนุญาตแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่อาจศึกษาแนวคิดและปรัชญาการสอนของโรงเรียนนานาชาติแต่ละแห่งด้วยตัวเองอีกทีนะคะ โรงเรียนบางแห่งอาจใช้แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ บางแห่งอาจจะสอนแบบ Reggio Emilia ซึ่งแนวการสอนแบบนี้อาจจะใช้สอนแค่เด็กเล็ก หรือแค่บางชั้นเรียนก็ว่ากันไปตามแต่ละโรงเรียนค่ะ แต่โรงเรียนนานาชาติเหล่านี้ก็ยังอยู่ในระบบอังกฤษ อเมริกา หรือ IB หรือระบบอื่น ๆ ซึ่งผู้ถ้าหากผู้ปกครอง เห็นแล้วรู้นึกว่า นี่แหละคือ “แนวคิดและวิสัยทัศน์” ที่ตรงกับฉันเลย ก็อาจจะเลือกโรงเรียนนั้นให้ลูกเรียน เป็นตัวอย่างในเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาเลือกโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งก็ว่ากันไปตามแต่ละครอบครัวค่ะ ว่าเชื่อแบบไหน
ซึ่งตรงนี้ ก็เป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งของโรงเรียนนานาชาติอีกด้วยค่ะ เพราะว่าทำให้พ่อแม่มีตัวเลือกหลากหลาย มีโอกาสให้ได้ค้นพบว่าลูกเรา หรือตัวเรา ชอบการเรียนการสอนแบบไหนค่ะ จะเข้มวิชาการสุด ๆ ไปเลยก็มี หรือ จะเป็นแนวทางเลือกก็มีให้พิจารณาหลากหลายหลักสูตรค่ะ
3. สิ่งอำนวยความสะดวก
จะเป็นเรื่องที่ดีขนาดไหนถ้าหากสิ่งอำนวยความสะดวก (Facility) ในการเรียนการสอน เช่น สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ลู่วิ่ง สนามกีฬาต่าง ๆ ห้องดนตรี ห้องแลป โรงละคร ห้องซ้อมเต้นหรือการแสดง ห้อง Workshop ห้องผลิตงานศิลปะ ฯลฯ นั้นมีให้นักเรียนได้ใช้งาน โดยที่นักเรียนไม่จำเป็นต้องออกไปเรียนพิเศษข้างนอก และสามารถใช้งานเมื่อไรก็ได้หลังเลิกเรียน อีกทั้งยังมีการปรับปรุงและสร้างใหม่เรื่อย ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่เปลี่ยนไป … นี่คืออีกหนึ่งข้อดีของโรงเรียนนานาชาติที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ ทุกอย่างพร้อมสำหรับการเรียน แต่ข้อเสียก็คือ นั่นก็รวมอยู่ใน “ค่าเทอม” แล้วหละค่ะ ซึ่งก็มีส่วนทำให้โรงเรียนที่มีอุปกรณ์และ Facility ดีดีแบบนี้มีค่าเทอมสูงตามไปด้วยค่ะ
4. ครูผู้สอน
คุณอาจจะพบว่า วุฒิการศึกษาของครูผู้สอนในโรงเรียนนานาชาติ (บางแห่ง) นั้นมีวุฒิปริญญาโทเป็นส่วนใหญ่ โรงเรียนนานาชาติบางแห่งอาจมีครูที่จบปริญญาโทมากกว่าปริญญาตรี และยังมีครูจบปริญญาเอก หรือมีวุฒิตรงสายและความเชี่ยวชาญพิเศษมาสอนนักเรียน โดยที่พ่อแม่บางคนอาจจะรู้สึกว่า ถ้าคุณมีวุฒิขนาดนี้คุณจะไปทำอย่างอื่นก็ได้นี่นา … แต่ก็นั่นหละค่ะ โรงเรียนนานาชาติ (บางแห่ง) อาจมีการลงทุนไปกับการเลือกครูที่มีคุณวุฒิและความสามารถที่ดีพร้อมมาช่วยบ่มเพาะเด็ก และเงินเดือนรวมถึงสวัสดิการตรงนี้ก็เป็นเลิศด้วย ซึ่งก็ช่วยตอบโจทย์พ่อแม่หลายท่านให้คลายความกังวลว่า คุณครูและบุคคลากรเหล่านี้จะพร้อมดูแล ให้ความรู้ บ่มเพาะให้เด็ก ๆ มีความรู้และโตมาอย่างมีคุณภาพอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
5. มีกิจกรรมนอกหลักสูตรให้เลือกหลากหลาย
ข้อดีของการได้ทำกิจกรรมนอกหลักสูตรนั้น คือ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้สกิลใหม่ ๆ ได้ค้นพบว่าตัวเองชอบหรือถนัดด้านอะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสกิลติดตัวเด็ก ๆ ไปตลอดชีวิตค่ะ เด็กบางคนค้นพบว่าตัวเองนั้นอยากเป็นเชฟและอยากเปิดร้านอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้อยู่ในการเรียนด้านวิชาการปกติ … นอกจากนี้ … การทำกิจกรรมนอกหลักสูตรยังสามารถช่วยให้เด็กได้ผ่อนคลาย ได้คลายเครียด ส่งเสริมให้เด็กกลับมาเรียนด้านวิชาการได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น … เด็ก ๆ จะได้เจอเพื่อน ได้เรียนรู้การเข้าสังคม ได้เรียนรู้ด้านการจัดการเวลา และยังสามารถโชว์ผลงานกิจกรรมนอกหลักสูตรตอนยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยบางแห่งนั้นอาจจะให้ความสำคัญกับเด็กที่ทั้งเรียนดีและกิจกรรมเด่นมาเป็นอันดับแรกค่ะ … และแน่นอนว่าโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่นั้นมักจะมีกิจกรรมนอกหลักสูตรให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านศิลปะ, กีฬาเทควันโด, คอร์สทำอาหาร, ยิมนาสติก, ร้องเพลงและดนตรี และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งยังไม่จบ! … โรงเรียนนานาชาติ (บางแห่ง) อาจอยู่ในสมาคมและมีการจัดการแข่งขันเหล่านี้ระหว่างโรงเรียนทั้งในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งก็ทำให้นักเรียนในโรงเรียนนานาชาติจะได้มีโอกาสฝึกฝน ได้แข่งขัน และได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในระดับประเทศและทั่วโลกค่ะ
6. พูดได้หลายภาษา
การสร้างเด็กสองภาษา หรือ เด็กที่พูดได้หลายภาษา (Multilingual Child) นั้น เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และอาจต้องใช้ความพยายามอย่างมาก (และอาจใช้เงินด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพ่อแม่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นได้นอกจากภาษาไทย … ทีนี้ พ่อแม่ที่ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ ที่มีนักเรียนหลากหลายเชื้อชาติ พูดหลายภาษา จึงเป็นการบังคับกลาย ๆ ให้เด็กต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง เมื่อกลับมาที่บ้านซึ่งใช้ภาษาไทยเป็นหลักแล้ว ก็จะทำให้เด็กสามารถพัฒนาสกิลภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาอื่น ๆ ไปได้พร้อม ๆ กัน
อย่างไรก็ตาม … พ่อแม่ควรตระหนักว่า การสร้างเด็กสองภาษาและ Multilingual Children นั้น อาจต้องใช้เวลา และไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ภายในเวลาข้ามคืน เช่น จากการส่งเด็กไปเรียนพิเศษเพียงอาทิตย์ละหนึ่งชั่วโมง และนอกจากนี้ เด็กแต่ละคนนั้นก็มีความถนัดไม่เหมือนกัน และยังมีเรื่องของวัฒนธรรม ความคุ้นเคย มีอีกหลากหลายปัจจัยที่ทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถใช้ภาษาหนึ่งได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เมื่อคุณได้ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติแล้ว ก็อย่าลืมว่า เด็กอาจจะใช้ภาษาที่ตัวเองรู้สึกถนัดมากกว่า … ทีนี้ พ่อแม่ชาวไทย ที่เป็นห่วงเรื่องภาษาไทยของลูก ก็อาจจะพยายามพูดไทยที่บ้านกับลูกให้มาก ๆ นะคะ … หลัก ๆ คือดูว่า เด็กถนัดภาษาอะไรมากกว่า ถ้าหากถนัดภาษาอังกฤษมากกว่า ก็พยายามใช้ภาษาไทยกับลูกตอนอยู่ที่บ้านค่ะ
7. ความเป็นสากล
นอกจากข้อดีที่นักเรียนโรงเรียนนานาชาติจะได้ฝึกฝน ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ แล้ว โรงเรียนนานาชาติยังมีหลากหลายระบบและหลักสูตร ซึ่งอย่างหลักสูตร IB หรือ International Baccalaureate นั้น ก็เป็นหลักสูตรที่ช่วยบ่มเพาะความคิดและความเป็น “Global Citizen” ช่วยบ่มเพาะความเป็น “พลเมืองโลก” ที่ดี และใส่ใจสังคมและโลกใบนี้ … ซึ่งข้อดีก็คือ แทนที่เด็กจะถูกให้ข้อมูลภายใต้กรอบหรือแนวคิดแนวใดแนวหนึ่ง ซึ่งอาจจะเอนเอียงไปตามสภาพเศรษฐกิจ ศาสนา ความเชื่อ หรือ ด้านอื่น ๆ ก็จะมีโอกาสได้บ่มเพาะความมีวิจารณญาณ ความคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking), ได้เรียนรู้ด้านวิชาการ, ได้เติบโตมาในแนวคิดความเป็นพลเมืองโลก ใส่ใจสังคมรอบตัว และพร้อมที่จะเข้าสังคมและทำงาน ซึ่งก็แทบจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสกิลและประสบการณ์นี้จะเป็นสิ่งสำคัญติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต ยิ่งเมื่อมองดูสถานการณ์ทั่วโลกแล้ว มีคนไทยและคนต่างชาติสลับสับเปลี่ยนย้ายที่ทำงานกันทั่วโลก มีทั้งคนต่างชาติมาทำงานที่ไทย และมีคนไทยที่ไปทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ต่างประเทศ … ฉะนั้น ความเป็นสากลนี้ ก็จะเป็นสกิลติดตัวกับเด็กไปตลอดชีวิต ซึ่งมีประโยชน์สุด ๆ ในการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคต ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับเด็กค่ะ
8. การสนับสนุนนักเรียน
ข้อดีอีกอย่างของโรงเรียนนานาชาติ (บางแห่ง) คืออาจมีบริการต่าง ๆ ที่ส่งเสริมและช่วยเหลือนักเรียน เช่น Counseling คอยให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อ, ดูแลด้านชีวิตและความเป็นอยู่ในโรงเรียน ให้เรียนกันแบบแฮ้ปปี้, คอยดูแลช่วยเหลือหากมีปัญหาเรื่อง Bully, สอนให้นักเรียนจัดการความขัดแย้งและจัดการอารมณ์ เพื่อที่จะได้มาโรงเรียนอย่างมีความสุข และได้เรียนรู้วิธีแก้ปัญหา ซึ่งสกิลเหล่านี้จะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต … นอกจากนี้โรงเรียนนานาชาติ (บางแห่ง) ยังอาจจะมีโปรแกรมช่วยเหลือหรือปรับพื้นฐานภาษาให้เด็ก และโปรแกรมช่วยสอนภาษาแม่ให้กับเด็กต่างชาติ อย่างเช่นเด็กชาวจีน ชาวสเปน และประเทศต่าง ๆ ที่พ่อแม่ย้ายมาทำงานที่ประเทศไทย นอกจากจะต้องเรียนภาษาอังกฤษและภาษาไทยแล้ว โรงเรียน (บางแห่ง) อาจจะมีสอนภาษาแม่ให้เพิ่มอีก 1 ภาษาด้วยค่ะ
ในส่วนของข้อเสียของโรงเรียนนานาชาติ
แม้ว่าค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติจะสูงกว่าโรงเรียนปกติ แต่ก็ยังมีโรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่และมีผู้ปกครองสนใจส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติกันอย่างไม่ขาดสาย ทีนี้ หากมองในมุมค่าเทอม ทีมงาน WeddingReview ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นว่า เราควรจ่ายในราคาที่เรารับไหว เพราะว่าการสร้างเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย จริงอยู่ที่ ถ้ามีพื้นฐานดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าหากเราไม่พร้อมจริง ๆ เราก็สามารถมาเรียนรู้หาวิธีทดแทนในทางที่เราทำได้
การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมานั้น ไม่ใช่เพียงแค่พ่อแม่ทำงานหาเงินแล้วปล่อยให้โรงเรียนดูแลทุกอย่าง ในความเป็นจริงนั้น สถาบันครอบครัว และการมีเวลาที่มีคุณภาพนั้นก็ยังสำคัญสำหรับการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ … ซึ่งแม้ว่าจะได้ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติหรือโรงเรียนดีดีที่มีชื่อเสียงแล้ว ก็ยังเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่และสังคม ที่ควรจะต้องช่วยกันดูแลบรรยากาศ บ่มเพาะนิสัยที่ดีงาม
หากพ่อแม่ใส่ลูก มีเวลาให้กับลูก ใส่ใจสังคมและสิ่งรอบข้าง หาเวลาเรียนรู้และพัฒนาว่าจะทำยังไงให้การพูดคุยในครอบครัวเป็นไปในบรรยากาศที่ดี หรือศึกษาหาวิธีเลี้ยงดูและดูแลลูกให้มีคุณภาพ ก็จะช่วยเด็กเติบโตมาอย่างมีคุณภาพมากกว่า และการสร้างคนที่น่ารักและมีคุณภาพขึ้นมา ก็มีส่วนทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นด้วย … การส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนดีดีนั้นไม่ได้แปลว่าเด็กจะออกมาครบทุกอย่างตามที่ใจหวัง สุดท้ายก็ยังต้องการความร่วมมือที่ดีจากผู้ปกครองในอีกหลานด้านและหลายมุม หลายมิติค่ะ
ทีมงาน WeddingReview หวังว่าผู้อ่านจะได้รับสาระดีดีจากบทความนี้นะคะ แล้วมาติดตามบทความไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ กันได้ที่หมวด ไลฟ์สไตล์ และ โรงเรียนนานาชาติ ได้เลยค่า
ค้นหาสถานที่จัดงานแต่งงาน & ร้านค้า
สถานที่จัดเลี้ยง
ชุดแต่งงาน
แหวนแต่งงาน
ช่างภาพงานแต่ง
แบ็คดรอปงานแต่ง
ดูทั้งหมด
ไอเดียจัดงานแต่งงาน
ไอเดียแต่งงาน
พิธีแต่งงาน
พิธีหมั้น
ชุดแต่งงาน
การ์ดแต่งงาน
ของชำร่วย & รับไหว้
แบ็คดรอปงานแต่งงาน
วางแผนจัดงานแต่งงาน
แต่งงานแบบประหยัด
เพลงที่ใช้ในงานแต่งงาน
เจ้าสาว
เว็บบอร์ด
ฮันนีมูน
ชมตัวอย่าง การรันคิวพิธีงานแต่ง
และ สคริปต์งานแต่งงาน จากประสบการณ์จริง ได้ที่....
ดาวน์โหลด สติกเกอร์ LINE เจ้าบ่าว เจ้าสาว